ในฐานะของคนที่ตั้งใจทำธุรกิจส่งออก ทำด้วยการลองผิดลองถูกและหาความรู้อยู่เรื่อยๆ วันนี้ผมขอเล่าให้ฟังถึง 9 ข้อดีของการทำธุรกิจส่งออกนะครับ
1. ส่งออกตลาดใหญ่มาก ลูกค้าหลากหลาย ไม่จำกัด
การส่งออกคือการนำสินค้าหรือบริการของเราไปขายตลาดอื่นๆ นอกจากประเทศไทย ประชากรในไทยมีประมาณ 65 ล้านคน แต่ประชากรทั่วโลกมีประมาณ 6,500 ล้านคน แปลว่าเราที่เรากำลังแข่งขันกันรุนแรงในประเทศ มันแค่ 1 เปอร์เซ็นต์เอง ขยับออกนอกสักนิด มีลูกค้ารออีกเพียบ
2. ส่งออกได้ออเดอร์สั่งซื้อสินค้าทีละเยอะๆ
สำหรับใครที่ทำธุรกิจในประเทศอยู่ ผมเชื่อว่าลูกค้าคุณมีทั้งซื้อส่ง หรือซื้อปลีก หรือซื้อแบบองค์กร ซึ่งก็ได้ยอดขายพอสมควร แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นส่งออกแล้ว มันก็อีกเรื่องนึงเลยนะครับ เราไม่ได้พูดถึงการส่งของทางมอเตอร์ไซค์ รถกระบะ หรือสิบล้อ เราพูดถึงการใช้รถหัวลาก ขนสินค้าทั้งตู้ไปส่งให้ลูกค้า ขนาดออเดอร์มันผิดกันครับ
3. ส่งออกได้กำไรดีกว่า
สินค้าบางอย่างขายในไทย ได้ราคางั้นๆ กำไรบางๆ แต่ถ้าขายส่งออก กลับกลายเป็นกำไรอื้อซ่าเลย หรือแม้บางคนอาจจะบอกว่าส่งออกมาร์จิ้นบาง (อัตราส่วนกำไรน้อย) แต่ถ้าดูจากจำนวนสินค้าที่สั่งซื้อ เทียบกำไรออกมาเป็นตัวเงินแล้ว ก็ยังเยอะอยู่ดีครับ
4. ส่งออกไม่ต้องปวดหัวเรื่องคู่แข่งคนไทยด้วยกันตัดราคา
ใครที่ขายในประเทศ เจอแต่คู่แข่งคนไทย เราจะพอทราบวัฏจักรได้เป็นอย่างดี พอมีสินค้าไหนที่ขายดี คนก็จะแห่กันทำตาม แล้วก็ตัดราคาแข่งกัน สุดท้ายก็เจ๊งกันทั้งระบบ มีให้เห็นบ่อยไป
แต่กับการส่งออก คุณจะไม่ค่อยเจอพ่อค้าตัดราคาเท่าไหร่หรอกครับ ราคามันจะมีมาตรฐานหรือการอ้างอิงพอสมควร การขายถูกๆ ในตลาดส่งออก ไม่ค่อยมีใครทำแล้วรอดครับ ฉะนั้นใครที่เบื่อคู่แข่งตัดราคา ลองมาทำส่งออกดู
5. ทำส่งออกแล้วได้เดินทาง ท่องเที่ยว เห็นโลกกว้าง
ข้อนี้ผมชอบมาก ผมชอบเดินทาง และคิดว่าหลายๆ คนที่อยากทำส่งออกก็เพราะได้เดินทางนี่แหละ เวลาเราเดินทางไปขายสินค้า ไปหาลูกค้า ไปออกบูธ เพื่อขายของส่งออก ถ้าไม่ใช่บริษัทที่เขี้ยวๆ จริงๆ เราจะได้ของแถมคือการได้ไปเที่ยวครับ ไปญี่ปุ่น ไปฮ่องกง ไปเยอรมนี สุดท้ายแล้วก็ได้แว้บไปช้อปปิ้ง ไปถ่ายรูปกับสถานที่ดังๆ สักหน่อย ถือเป็นโบนัสให้คุณสำหรับการทำส่งออกครับ
6. ทำส่งออกแล้วเพิ่มโอกาสในการทำธุรกิจใหม่ๆ ในไทย
เวลาเราไปต่างประเทศ โดยเฉพาะเวลาไปเที่ยวหรือช้อปปิ้ง เราจะได้บางสิ่งกลับมานั่นก็คือ เรารู้ว่าประเทศนั้นมีอะไรที่เราไม่มี และพ่อค้าแม่ค้าหัวดีบางคนก็จะนำสินค้าเหล่านั้น หิ้วกลับมาขาย หรือซื้อล็อตใหญ่มาขาย หรือบางรายก็ซื้อแฟรนไชส์มาขายก็มีครับ ลองกวาดตาดู ตอนนี้ร้านอาหารก็ซื้อแฟรนไชส์ หรือนำแนวคิดมาจากต่างประเทศทั้งนั้น นี่เป็นโบนัสอีกชิ้นเลยครับ
7. ทำส่งออกแล้วได้เรียนรู้วิธีการทำงานและวัฒนธรรม
เราทำงานกับคนไทย เราทำแบบนึง ทำงานกับคนจีน เกาหลี ญี่ปุ่น แขก ฝรั่ง ก็ทำคนละแบบ เพราะต่างคนต่างมีวัฒนธรรมการทำงานไม่เหมือนกัน พื้นฐานคนไทยจะเรื่อยๆ เชื่องช้า มากพิธี ไม่กล้าเสี่ยง แต่กับคนจีนเป็นอีกแบบ หากเรานำความเก่งของแต่ละประเทศมาเรียนรู้และฝึกปฏิบัติ ก็สามารถเอาชนะคนไทยด้วยกันได้อย่างง่ายดายครับ
8. การส่งออกคือการหาเงินเข้าประเทศ ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดี
ในการทำส่งออกนั้น ภาครัฐสนับสนุนเป็นอย่างดี สนับสนุนแม้กระทั่งหารายชื่อลูกค้าให้ด้วยนะ ไปประจำการที่นู่น หาตลาดให้ด้วยอีก เรียกว่าเตรียมอาหารพร้อม รอป้อนเข้าปาก บางธุรกิจเราอาจจะแค่เคี้ยวอย่างเดียวเลยก็ได้
มีธุรกิจมากมายใช้ประโยชน์จากการสนับสนุนของรัฐอย่างเต็มที่ และผมค่อนข้างมั่นใจว่าธุรกิจส่งออกได้รับการสนับสนุนจากรัฐไม่แพ้ธุรกิจในประเทศ เผลอๆ จะมากกว่าด้วยครับ เพราะคนเหล่านี้นำเงินเข้าประเทศไทยเรานะครับ
9. เมื่อทำธุรกิจส่งออกมามากพอแล้วก็ได้รับรู้ว่าประเทศไทยมีดีมากมาย รักเมืองไทยมากขึ้น
หลายคนบอกว่าไปดิ้นรนเมืองนอกทำไม อยู่ไทยก็ดีอยู่แล้ว อันนี้ผมเห็นด้วยครับ แต่เราจะไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามี (เมืองไทย) ถ้าเราไม่ได้ไปเห็นสิ่งแย่ๆ ของต่างประเทศ เราจะไม่เห็นว่าเรามีบุญแค่ไหนที่ได้เกิดมาบนแผ่นดินไทย
ถ้าเราไม่รู้ว่าเราไปอยู่เมืองนอกต้องเจออะไรน่ากลัว กดดัน หวั่นวิตก หรือเป็นภัยมาก เชื่อเถอะครับ นักธุรกิจส่งออกส่วนใหญ่ไม่ได้อยากจากประเทศไทยหรอก แค่มันมีโอกาสก็รีบไป และสุดท้ายก็กลับมาเสวยสุข ใช้ชีวิตที่เมืองไทยกันทั้งนั้น
ผมเขียนข้อดีมาเยอะมากครับ 9 ข้อ หวังว่าผู้อ่านจะสนใจและอยากทำธุรกิจส่งออกกันเยอะๆ นะครับ
สนใจเรียนหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
